พูดถึงเครื่องมือการทำการตลาดออนไลน์ หลายๆ คนก็ถึงนึกถึง Google เป็นอันดับต้นๆ เวลาเราจะซื้อ จะหาอะไรก็ตามก็มักเปิด Google ขึ้นมาแล้วค้นหา จากนั้นถึงซื้อใช่ไหมครับ ซึ่งจริงๆ เครื่องมือ Google มันไม่ใช่มีแค่การค้นหา แต่มีอีกเยอะแยะมากมายเลย ซึ่ง วันนี้ Digitide จะมาบอกถึงเครื่องมือที่จำเป็นมากๆ ในการดำเนินธุรกิจออนไลน์ ที่ทุกธุรกิจที่กำลังโดดมาทำในออนไลน์ต้องรู้ต้องใช้
4 เครื่องมือ Google ที่จำเป็นต้องใช้มากในธุรกิจออนไลน์
Google Adwords
เครื่องมือสำหรับการโฆษณาของ Google ซึ่ง จะประกอบด้วยวิธีการลงโฆษณาที่หลากหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาแบบคำค้นหา การโฆษณาแบนเนอร์ที่จะไปถูกติดในเว็บที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google เช่น Sanook Kapook หรือ การโฆษณาแบบวีดีโอ ซึ่งหากเข้าเรื่องการตลาดออนไลน์แล้วระดับนึง ก็สามารถหยิบเครื่องมือนี้ไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ได้
อีกนึงเครื่องมือสำคัญที่มาพร้อมกับ Adwords คือ Google Keywords Planner ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำหรับในการเริ่มต้นในการเริ่มสำหรับการคิดจะทำการตลาดออนไลน์เลยก็ว่าได้ เพราะ Keywords Planner เป็นเครื่องมือในการค้นหาที่คนใช้อยู่ว่า มีปริมาณการค้นหามากหรือน้อยแค่ไหน ซึ่งในความเป็นจริงในการดำเนินงาน เราก็ควรใช้คำค้นหาที่มีปริมาณมากพอเพื่อจะทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะเจอเราและกลายเป็นลูกค้าเราอีกทีนึง ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับวิธีวิเคราะห์คำค้นหาด้วยว่าธุรกิจนั้นเหมาะสมกับคำค้นหาแบบไหน
Google Search Console
เครื่องมือสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ (ทุกธุรกิจควรมีเว็บไซต์) เพื่อช่วยดูแลว่า เว็บไซต์เรามีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง ซึ่งธุรกิจองค์กรส่วนใหญ่ไม่มีการติดตั้งไว้ หรือ บางทีมีก็ไม่รู้ว่ามันใช้งานอย่างไร ดังนั้น แนะนำว่าควรเรียนรู้ที่จะใช้งานเครื่องมือนี่ให้คล่อง เพราะว่าหากเข้าใจเว็บไซต์ดีมากพอ รู้ว่ามันเสียตรงไหนบ้าง เราจะได้แก้ได้ถูกจุด เพราะว่าการแก้ทุกครั้งจะช่วยทำให้อันดับการค้นหาเรามีโอกาสที่จะดีขึ้น หรือ เรียกง่ายว่า การทำ SEO จะดีขึ้นนั้นเอง
Google Analytics
เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เว็บไซต์ ที่ขาดไม่ได้ ทุกธุรกิจอาจจะไม่ได้เริ่มด้วยเว็บไซต์เป็นหลัก แต่สุดท้ายควรให้ทุกอย่างมาจบลงด้วยเว็บไซต์ ดังนั้นสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด เมื่อมีเว็บไซต์แล้วก็ควรติดตั้งเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ด้วยว่า พวกเขาเหล่านั้นมาจากช่องทางไหน มาจากประเทศไหน จังหวัดไหน ใช้มือถืออะไร เป็นเพศไหน อายุเท่าไหร่ เข้ามาหน้าไหน อยู่กี่นาที เมื่อรู้ข้อมูลว่า พวกเขาเหล่านั้นมากพอ เราจะสามารถปรับเว็บไซต์ หรือ สร้างเนื้อบนเว็บไซต์เราให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ตัวอย่าง หากคุณขายจักรยานแล้วรู้ว่าคนภาคเหนือมาดูจักรยานและสมัครสมาชิคกับคุณมากที่สุด แล้วคุณนำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งมาเพิ่ม คุณว่าควรไปขายภาคเหนือ หรือ ภาคอื่นมากกว่ากัน
Google Tag Manager
เครื่องมือสำหรับการจัดการเว็บไซต์ที่เวิคที่สุด เพราะเป็นเครื่องมือสำหรับจัดการการติดตั้ง Analytics หรือ Pixel หรือ Conversion Tracking ได้ง่ายและสะดวกมากๆ ซึ่งข้อดีมีเยอะแยะมากมาย ทั้งใช้ง่าย หากจ้างใครมาดูโฆษณาให้พวกเขาก็ไม่ต้องมายุ่งกับเว็บไซต์เรา ลดโอกาสที่เว็บไซต์เราจะเสียได้มาก ดังนั้น ควรติดตั้งให้เรียบร้อย เนื่องจากมันผสมเข้ากับ Analytics ได้ ทำให้การจัดการเรื่อง Event ต่างๆ ได้อีกด้วย เราจะรู้เลยว่า ใครเข้ามากดปุ่มไหนในเว็บไซต์เราบ้าง ซึ่ง Google Analytics เองก็ทำได้ แต่ตัว Tag Manager มีระบบที่ช่วยจัดการในส่วน Event ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
ทาง Digitide เวลาให้คำปรึกษาท่านได้ พวกเราจะเริ่มถามข้อมูลต่างๆ จากเครื่องมือที่เจ้าของธุรกิจมีก่อน หากใครมีการแก้ไขธุรกิจนั้นๆ จะเริ่มเป็นปัญหาง่ายขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า หลายๆ ธุรกิจไม่มีการติดตั้งเครื่องมือเหล่านี้ไว้ ทำให้ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะช่วยแก้ได้ในช่วงแรก ดังนั้น ใครยังไม่ติดเครื่องมือเหล่านี้ลองติดดูก็จะรู้ว่าธุรกิจของท่านเป็นอย่างไร
ร่วมพูดคุยกับ Digitide ได้ที่ inbox ของพวกเรา
ทีมงาน Digitide
ชวนอ่านเพิ่มเติม
- 5 เหตุผลที่ธุรกิจคุณควรใช้ Google Tag Manager
- Google Analytics โดยตรง หรือ ใช้ Google Tag Manager ดีกว่ากัน?