จากประสบการณ์อบรมและการให้คำปรึกษาในอดีตนั้น ทำเรา DigiTide รู้ว่าผู้บริหารหลายคนยังคงมีปัญหาดังต่อไปนี้
(ผู้บริหารท่านใดที่พอเคยทำมาบ้างแล้ว ให้อ่านตั้งแต่ข้อ 3 เป็นต้นไป)
1. ยังคงมองกลุ่มเป้าหมายการตลาดแบบกว้าง ๆ
ทั้งที่การตลาดดิจิทัลมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แคบและชัดเจนมาก ทั้งมีการวัดผลที่แม่นยำกว่าการตลาดแบบออฟไลน์มากมายนัก
การพยายามจับกลุ่มเป้าหมายการตลาดให้ใหญ่จนเกินไปยังเป็น mindset ของผู้บริหารที่ไม่สามารถสลัดความคุ้นเคยกับสื่อหลักแบบเดิมไปได้ ซึ่งจะทำให้แคมเปญการตลาดที่ทำขึ้นมานั้นใช้ศักยภาพของสื่อดิจิทัลได้ไม่เต็มที่
2. ยังเน้นเรื่อง awareness อย่างเดียว
ข้อนี้เป็นเพราะผู้บริหารหลายคนยังไม่เข้าใจแนวทางในการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อ drive ลูกค้าไปยังช่องทาง sale ซึ่งหลายครั้งก็เป็นเพราะขาดความเข้าใจในเรื่อง customer journey ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนั่นเอง
ปัญหานี้มักเกิดขึ้นบ่อยกับธุรกิจที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยในการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ยกตัวอย่างเช่น แพ็คเกจสุขภาพของโรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ประกันสุขภาพ ฯลฯ
3. เลือกใช้สื่อออนไลน์สะเปะสะปะ ไม่มีสาเหตุแน่ชัดในการเลือก
หลายคนเลือกใช้สื่อออนไลน์เพียงเพราะเห็นคนอื่นใช้อยู่ แม้จะไม่ทราบว่าจะนำมาใช้กับธุรกิจตัวเองอย่างไร แต่กลัวไม่ทันเขา จึงหันมาใช้บ้าง แล้วก็เลยเปิด ๆ ช่องทางออนไลน์เอาไว้ก่อน จากนั้นก็มีปัญหายิบย่อยตามมา ซึ่งได้แก่
ก. ใช้เป็นที่วางข่าวประชาสัมพันธ์เป็นหลัก <– ข้อนี้เจอบ่อยมากในหลายองค์กร กลายเป็นว่าเว็บหรือเฟซบุ๊คไม่มีเนื้อหาที่ลูกค้าต้องการ มีแต่เนื้อหาที่ผู้บริหารต้องการให้ลูกค้าอ่าน (แต่เขาไม่อ่านกัน)
ข. ไม่รู้จะให้ใครเป็นผู้ดูแลและสร้าง content
ค. สร้างเสร็จแล้วทิ้งร้างเอาไว้เฉย ๆ
4. ไม่ได้ดู resource ตัวเอง และจัด priority ผิดพลาด
แน่ล่ะที่ผู้บริหารทุกคนต่างคิดว่า ถ้าอยู่เราในทุกสื่อได้ก็คงดี แต่ถ้าทำลงไปโดยไม่ได้มีการวางแผนทรัพยากรให้ดีก่อนเปิดสื่อ มันจะกลายเป็นหายนะได้ไม่ยากเลย
เพราะว่าพอเปิดสื่อดิจิทัลหมดทุกอย่างโดยทรัพยากรไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ทำแต่ละอย่างได้นิด ๆ หน่อย ๆ ลูกค้าก็ถูกสื่อแต่ละอย่างดึงไปอย่างละเล็กอย่างละน้อย ธุรกิจก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ลูกค้าก็แตกกระจาย ทำให้ เสียแบรนด์ อย่างแรงงงงง
5. ไม่รู้จักฟังก์ชันต่าง ๆ ของ tool ที่มีอยู่
ทาง Digitide พบว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารขาดกันเยอะ เพราะหลายคนเก่งเรื่องการบริหารจัดการ อาจถึงเรื่องการตลาดด้วย
แต่ไม่รู้ว่าแต่ละสื่อออนไลน์นั้นสามารถทำงานอะไรได้บ้าง
พูดง่าย ๆ คือเหมือนซุนวูจะออกรบ แต่ดันรู้จักเพียงหอกและดาบ ไม่รู้จักอาวุธปืน ไม่รู้จักไรเฟิล เรือดำน้ำ เครื่องบิน ซึ่งแม้ว่าจะมีกลยุทธ์มากมายสักเท่าไหร่ก็ลำบาก
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ลองอ่านชื่อ tool ต่อไปนี้
– google keyword planner, google search console, google analytics, google trend, google correlate
– retargeting, custom audience, lookalike audience, canvas
ถ้าอ่านแล้วไม่รู้จักเกิน 50% อันนี้มีปัญหาล่ะ ยกเว้นจะมีผู้บริหารระดับล่างที่จัดการงานพวกนี้ได้นะ
(แค่รู้จักว่ามันทำงานอย่างไรและทำอะไรได้บ้างก็พอได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องทำเป็น)
6. รู้จัก tool แต่ไม่เข้าใจภาพรวม เลยนำไปใช้ได้ไม่เต็มที่
ข้อนี้คงต้องขอยกตัวอย่าง
อย่างเช่นเรื่องเทคนิค retarget นี้นั้น มีเคสที่ใช้กันทั่วไปคือการใช้ดึงคนที่ abandon cart เพื่อเพิ่ม conversion แต่จริง ๆ เรานำมาใช้สร้าง cross sell ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ ad ผ่าน Facebook หรือ Google เพียงอย่างเดียวด้วย (สามารถใช้ line@ หรือแม้แต่อีเมล์แทนก็ได้)
หรือจะลองใช้ retarget เพื่อ upsell
หรือจะใช้เพื่อเล่า story ของแบรนด์แบบเป็นซีรี่ส์ก็ได้
ฯลฯ
————————
ด้วยสาเหตุเหล่านี้เอง จึงทำให้บางธุรกิจจึงจ้างที่ปรึกษาอย่าง Digitide เข้าไปช่วยงาน
และหลายธุรกิจก็เข้าใจผิดว่าตัวเองมีปัญหาแค่ข้อ 5-6
ทั้งที่จริง ๆ แล้วปัญหาที่เราเจอบ่อยสุดกลับเป็นข้อ 3-4
ขอบคุณที่ตามอ่านกันมา ช่วยกดติดตามแฟนเพจของเราด้วยนะครับ
ทีมงาน Digitide